วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

กล้องถ่ายรูป 3D "ของเล่น"ราคาถูก?

และแล้วเทคโนโลยีสามมิติ หรือ 3D ก็ได้ลามเข้าไปในตลาดของเล่นอีกครั้ง หลังจากที่เมื่อหลายสิบปีก่อนมีของเล่นเป็นกล้องสองเลนส์สามารถมองภาพ 2 ภาพพร้อมกันทำให้เห็นเป็นภาพสามมิติได้ Takara Tomy จับกระแสความสนใจในเทคโนโลยีนี้ด้วยการพัฒนาของเล่นเป็นกล้องถ่ายรูป 3D ที่ภาพถ่ายสามารถมองเห็นเป็นสามมิติได้ เมื่อมองผ่านอุปกรณ์พิเศษที่ทำจากกระดาษ?

3D Shot Cam เป็นกล้องถ่ายรูปสามมิติสำหรับเด็ก 12 ขวบขึ้นไป โดยหลักการก็คือ กล้องรุ่นนี้จะมาพร้อมกับเลนส์คู่ (อารมณ์ประมาณ FinePix REAL 3D W3 เวอร์ชันของเล่น) สามารถถ่ายภาพออกมาได้พร้อมกัน 2 มุมมอง หลังจากนั้นพิมพ์ภาพถ่ายออกมา เพื่อนำไปมองผ่านด้วย Viewer (อุปกรณ์ที่ใช้ในการมองภาพ) ภาพที่เห็นก็จะปรากฎเป็นสามมิติ สำหรับ Viewer จะทำจากกระดาษลักษณะคล้ายของเล่นสมัยก่อน คงสงสัยนะครับว่า ทำไมมันทำจากกระดาษ...ก็มันเป็น"ของเล่น"ไงล่ะ :D

สังเกตว่า ภาพถ่ายที่พิมพ์ออกมาจากกล้อง 3D จะมีสองภาพที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับช่องมองเห็นด้วย Viewer พอดี สำหรับ 3D Shot Cam จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์ถ่ายภาพที่ความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล สล็อตใส่การ์ดหน่วยความจำ SD รองรับสูงสุด 8GB ขนาดของกล้องเล็กกะทัดรัด และมีน้ำหนักเบาแค่ 100 กรัมเท่านั้น ในชุดสินค้าจะมีวิวเวอร์ 3D ให้ 2 อัน (ดูแล้วถ้าหากมันเสียหายก็น่าจะทำเองใหม่ได้) 3D Shot Cam จะวางตลาดในญี่ปุ่นปลายปีนี้ สนนราคาอยู่ที่ 70 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,200 บาท ทางบริษัทคาดว่าจะขายได้ 50,000 ตัวในญี่ปุ่นภายในหนึ่งปี แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยถึงแผนการว่าจะวางตลาดไปทั่วโลกด้วย หรือไม่?

ข้อมูลจาก: ubergizmo

ระวัง!!! หนอนพันธุ์ใหม่"ล็อค"ไฟล์เวิร์ด

รายงานข่าวล่าสุด นักวิจัยมัลแวร์จากบริษัท Panda Security เตือนผู้ใช้ว่า พบหนอนพันธุ์ใหม่ที่สามารถ"ล็อค" ไฟล์เอกสารทั้งหมด ตลอดจนไฟล์พรีเซนเทชั่น รวมถึงอีเมล์ บนเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดมันเข้าไปด้วย "พาสเวิร์ด" นั่นหมายความว่า ผู้ใช้จะไม่สามารถเข้าถึงไฟล์เหล่านี้ได้อีกต่อไป หากไม่รู้รหัสผ่าน

หนอนดังกล่าวชื่อว่า Clippo.A โดยเจ้าหนอนร้ายตัวนี้จะทำการก็อปปี้ตัวเองด้วยไฟล์ทีมีชื่อว่า PICTURE.EXE และ SOUND.EXE เข้าไปในทุกโฟลเดอร์ในเครื่อง ซึ่งรวมถึงไดรฟ์ภายนอก (พวกยูเอสบีไดรฟ์ก็ด้วย) ตลอดจนแชร์ไดรฟ์บนเน็ตเวิร์กที่ให้สิทธิ์ในการเขียนข้อมูลเข้าไปได้ นอกจากนีมันยังจะมีการทิ้งไฟล์ชื่อ FILE.EXE เข้าไปในรากของไดรฟ์ C: พร้อมทั้งเพิ่มคำสั่ง "load=c:\file.exe" เข้าไปที่รีจิสทรี startup ใน HKEY_CURRENT_USER\Software\Microsoft\Windows NT\Current\Version\Windows เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว หนอนตัวนี้จะตั้งค่าพาสเวิร์ดในการเข้าถึงไฟล์เอกสาร Word, PowerPoint หรืออีเมล์ใน Outlook ด้วยชุดตัวเลข 721709031350 ใครที่กำลังโดนเล่นงานด้วยอาการลักษณะนี้อยู่ลองใช้พาสเวิร์ดนี้ดูนะครับ

ส่วนใหญ่โปรแกรมมัลแวร์ที่มีการบล็อคไม่ให้สามารถเข้าถึงไฟล์สำคัญๆ ตลอดจนคุณสมบัติบางอย่างของระบบปฏิบัติการ มักจะมีการขู่ร้องขอเงิน เพื่อให้ได้โปรแกรมแก้ไข หรือรหัสในการปลดล็อค ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ ransomware แต่สำหรับหนอนตัวนี้มันไม่ได้มีการร้องขอเงินแต่อย่างใด "เป้าหมายของหนอนตัวนี้ไม่ได้อยู่ที่เงิน แต่ต้องการป่วนผุู้ใช้เท่านั้น" นักวิจัยจาก Panda Security ตั้งข้อสังเกต นอกจากนี้ มัลแวร์ส่วนใหญ่ในโลกไซเบอร์มักจะเพ่งเล็งไปที่การขโมยข้อมูล แต่หนอนตัวนี้ก็ไม่ได้มีกลไกการทำงานในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด มันไม่ได้ทำให้ผู้สร้างได้ผลประโยชน์ หรือเงินทองแต่อย่างใดเลย ซึ่งตรงข้ามกับนิสัยมัลแวร์ที่พบกันโดยทั่วไป โชคดีที่ Clippo จะติดได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 2003 และ XP (รวมถึงเวอร์ชันก่อนหน้านี้) ผู้ใช้ที่โดนเล่นงานสามารถลบมันได้จาก registry ที่กล่าวไปข้างต้น และลบไฟล์ c:\file.exe ทางที่ดีควรอัพเดตแอนตี้ไวรัสด้วย

ข้อมูลจาก: Softpedia

Power Hub อะแดปเตอร์+พอร์ต USB

มาติดตามรายงานข่าวกันต่อกับ แก็ดเจ็ต (Gadget) ใหม่ล่าสุดจากเลอโนโว (Lenovo) ซึ่งหากดูเผินๆ มันคล้ายกับอะแดปเตอร์โน้ตบุ๊คทั่วไป แต่อาจจะดูยาวกว่าเดิมเล็กน้อย เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เลอโนโวกำลังพยายามสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับอะแดปเตอร์ที่นอกจากจะใช้ชาร์จแบตฯให้กับโน้ตบุ๊คแล้ว มันควรจะสามารถทำหน้าที่เป็น USB Hub เพื่อใช้เชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นๆ ได้อีกด้วย...ว้าว!!


Power Hub เป็นอะแดปเตอร์ 65/95 วัตต์สำหรับโน้ตบุ๊คของ Lenovo แต่ที่ไม่ธรรมดาก็คือ มันมาพร้อมกับช่องต่อ USB ถึง 4 พอร์ตด้วยกัน ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้อะแดปเตอร์แทน USB Hub ได้ด้วย ซึ่งสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ฟังดูก็เหมือนเป็นแค่นำอุปกรณ์สองอย่างรวมกัน แต่ความจริงต้องบอกว่า Power Hub ไม่ได้ออกแบบมาแค่นั้น แต่มันจะสำรองไว้หนึ่งพอร์ต เพื่อใช้ชาร์จแบตฯให้กับแก็ดเจ็ตอื่นๆ ได้ด้วย โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับโน้ตบุ๊ค เพียงแค่เสียบ Power Hub เข้ากับเต้าเสียบปลั๊กไฟในบ้าน จากนั้นเสียบอุปกรณ์ USB ของแก็ดเจ็ตต่างๆ เข้ากับ Power Hub ได้ทันที

น่าสนใจขนาดนี้ คงต้องมาดูกันที่ราคากันหน่อยดีกว่า Power Hub มีจำหน่ายแล้วบนเว็บไซต์ของ Lenovo สนนราคาอยู่ที่ 75 เหรียญฯ หรือประมาณ 2,300 บาท อืม...ฟังดูแพงไปนิดหนึ่ง แต่เชื่อว่า หากมันกลายเป็นมาตรฐาน หรือจำหน่ายไปกับโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆ ของ Lenovo ราคาของมันน่าจะถูกกว่านี้มากทีเดียว นี่ถ้ามีซ็อคเก็ตสำหรับเสียบ iPhone/iPod Touch ด้วยล่ะก็เยี่ยมไปเลย

ข้อมูลจาก: Lenovo Web Store

ภาพหลุด!!!โน้ตบุ๊ค 2 จอสัมผัสจาก Acer

ในขณะที่หลายคนกำลังตื่นเต้นกับ Libretto w100 โน้ตบุ๊คที่ทำงานด้วย 2 หน้าจอสัมผัสจาก Toshiba ล่าสุดมีภาพหลุดว่อนไปทั่วเน็ต ซึ่งเผยให้เห็นถึง โน้ตบุ๊คที่มาพร้อมกับหน้าจอสัมผัสคู่จากบริษัท Acer โดยตามรายงานข่าวอ้างว่า ขณะนี้โน้ตบุ๊ครุ่นดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา


Acer กำลังพัฒนาโน้ตบุ๊คที่ทำงานด้วยหน้าจอสัมผัสคู่ โดยไม่มีคีย์บอร์ด แต่จะใช้เป็นหน้าจอสัมผัสทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งจะใช้สำหรับหน้าจอแสดงผล ส่วนอีกด้านจะทำหน้าที่เป็นคีย์บอร์ด และแทรคแพด ซึ่งกล่าวโดยสรุปมันไม่มีคีย์บอร์ดที่มีลักษณะเป็นปุ่มกดให้ใช้อีกต่อไป ในส่วนของการทำงานโดยละเอียดในลักษณะที่ว่า มันจะสามารถแสดงผล 2 จอแบบอีบุ๊ค หรือแบ่งหน้าจอการทำงาน ตลอดจนลูกเล่นอื่นๆ ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาแต่อย่างใด

สำหรับโน้ตบุ๊คหน้าจอสัมผัสคู่ของ Acer รุ่นนี้จะใช้โพรเซสเซอร์ Intel Core i5 ความเร็ว 2.67GHz ทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Windows 7 หน้าจอแต่ละด้านจะมีขนาด 15 นิ้ว แหล่งข่าวภายในอ้างว่า Acer น่าจะวางตลาดโน้ตบุ๊ครุ่นนี้กลางปี 2011 อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า เครื่องต้นแบบในรูปที่เห็น จะมีการทำงานค่อนข้างช้า และมีบั๊กอยู่พอสมควร ซึ่งน่าจะเป็นเพราะมันเป็นต้นแบบรุ่นแรกๆ ที่มีการเปิดเผยออกมา หน้าจอสัมผัสทั้งสองสามารถสลับการทำงานไปมาได้

ข้อมูลจาก: engadget

IE9 เปิดโลก "เว็บบราวเซอร์" พันธุ์ใหม่

บรรดาบริษัทผู้นำเว็บบราวเซอร์ในตลาดได้แก่ ไมโครซอฟท์ (Microsoft) มอซิลลา (Mozilla) และกูเกิ้ล (Google) เชื่อว่า บราวเซอร์ของทางบริษัทยังคงสามารถร่ายมนต์สะกดให้ผู้ใช้ทั่วโลกใช้เวลากับเว็บได้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ได้อีก โดยเว็บบราวเซอร์รุ่นใหม่จะเน้น 3 คุณสมบัติหลักของการทำงานอย่างเช่น Internet Explorer 9 ที่สัญญาว่า จะมาพร้อมกับฟังก์ชันสนับสนุนเครือข่ายสังคม Social Networking มากยิ่งขึ้น และระบบการแสดงผลกราฟิกที่ดีกว่าเดิม ตลอดจนความเร็วที่เพิ่มขึ้น ทั้งหมดก็เพื่อให้คุณใช้ชีวิตบนออนไลน์มากขึ้นนั่นเอง

มนุษย์เรากำลังอยู่ในยุค"มนุษย์(เสพ)ติดมอนิเตอร์" เหตุผลก็คือ ผู้คนวันนี้ติดการรับข่าวสารเพื่อนๆ จากเฟซบุ๊ค (Facebook) ในที่ทำงานตลอดทั้งวัน บ้างก็ดู YouTube ในขณะที่อีกหลายล้านคนนั่งเลื่่อนหน้าจออยู่ในโลก Twitter และจำนวนไม่น้อยที่อ่านเรื่องราวต่างๆ ทั้งวัน แถมยังชอบส่งต่อคอนเท็นต์สารพัดชนิด รวมถึงคอมเมนต์มันไปซะทุกเรื่อง กิจกรรมเหล่านี้กำลังทำให้ผู้ใช้เน็ตละสายตาจากหน้าจอน้อยลง หรือพูดในทางกลับกันก็คือ นั่งจ้องหน้าจอนานขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง แต่กระนั้นบริษัทผู้พัฒนาเว็บบราวเซอร์ชั้นนำเชื่อว่า ผู้ใช้จะสามารถใช้เวลากับเว็บมากกว่าที่เป็นอยู่ได้อีก หากพวกเขาพัฒนาเว็บบราวเซอร์ให้เก่งขึ้น โดยเฉพาะการตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้เว็บของผู้บริโภคยุคใหม่

Microsoft เตรียมจัดงานใหญ่เปิดตัวเวอร์ชัน"ทดสอบ"ของ IE9 ให้กับผู้ใช้ทั่วโลกในวันที่ 15 ก.ย. ในซานฟรานซิสโก โดยมีการอุปมาอุปไมยว่า IE9 จะเป็นตัวแทนของบราวเซอร์ยุคใหม่ที่เปลี่ยนเว็บจากโลกของ"ภาพนิ่ง"ไปสู่โลกแห่ง"ภาพยนต์"ที่มีการเคลื่อนไหวไหลลื่นตื่นเต้นไม่มีที่สิ้นสุด ในขณะที่คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่า บราวเซอร์มีลักษณะของช่องทางการรับข้อมูลแบบเรื่อยๆ ไม่รีบร้อนดูคล้ายกรอบภาพ หรือไม่ก็จอทีวี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นนอกจากคอนเท็นต์ใหม่ๆ "เมื่อคุณคิดถึงเว็บเมื่อ 10 - 15 ปีที่แล้ว มันมีแค่ 2 มิติที่เต็มไปด้วยข้อความกับรูปภาพ" David Ragones ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์จาก Nvidia กล่าว "มันไม่สามารถโต้ตอบได้เหมือนกับเกมส์คอมพิวเตอร์ หรือมีอะไรน่าดึงดูดใหคุณต้องอยู่กับมันมากนัก"

แม้บราวเซอร์ IE9 ของไมโครซอฟท์ที่จะเปิดตัววันพุธนี้จะเป็นแค่เวอร์ชันทดสอบ แต่ทางบริษัทก็เชื่อว่า มันจะถูกผู้คนบนเว็บโหลดไปทดลองใช้อย่างท่วมท้น ซึ่งตอนนี้ไมโครซอฟท์กำลังเตรียมการเปิดตัวครั้งยิ่งใหญ่ โดยปฏิเสธที่จะให้คอมเมนต์ในเรื่องนี้ ส่วนทางด้าน Google ที่มี Chrome เป็นพระเอกก็ดูเหมือนจะไม่หวั่นสำหรับการแข่งขันครั้งนี้ แต่ก็ตื่นเต้นต่อการที่จะเห็นเว็บบราวเซอร์มีการยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งต้องยอมรับว่า ส่วนแบ่งตลาดของ IE ที่หายไป สาเหตุหนึ่งมาจากความนิยมในบราวเซอร์ Chrome ด้วย ในขณะที่ตัวเลขสถิติเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา 60% ของผู้ใช้เว็บเลือก IE ตามด้วย Firefox 23% โดยมี Chrome เป็นอันดับ 3 ที่ 8%

การแข่งขันของบราวเซอร์ดูจะรุนแรงมากขึ้้น เมื่อมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ขึ้นมาอย่างเช่น มาตรฐาน HTML5 และ CSS3 ซึ่งจะเป็นการดึงพลังประมวลผลกราฟิกจากฮาร์ดแวร์ การทำให้คอนเท็นต์ของเว็บมีลูกเล่นในการทำงานที่ปรับเปลี่ยนได้มากกว่าหน้าเว็บแข็งๆ ในกรอบสี่เหลี่ยมดังเช่นที่ผ่านมา ซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ จะเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นในวันเปิดตัว IE9 คุณสมบัติการทำงานต่างๆ ที่ทำให้ผู้ใช้ได้ใช้ประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์มากขึ้น อย่างเช่น ความสามารถในการลากองค์ประกอบ (Items) ต่างๆ จากหน้าเว็บไปรอบหน้าจอ ข่าวสดที่สามารถป๊อปอัพโดยอัตโนมัติ โดยไม่ต้องคลิกปุ่ม Refresh ซึ่งทำให้เว็บไซต์ตอบสนองความเคลื่อนไหวของ Social ได้ทันที (คล้าย Notification บน iPhone) บราวเซอร์ยุคใหม่จะมีการทำงานร่วมกันระหว่างบราวเซอร์กับเว็บไซต์มากขึ้น โดยเฉพาะในยุค Social Network เว็บแอพพลิเคชันต่างๆ จะมีความเป็น Social มากขึ้น รวมถึงแอพพลิเคชันที่ต้องติดตั้งใช้งานบนพีซีอย่างเช่น Tweetdeck จะสามารถรันได้จากภายในบราวเซอร์เวอร์ชันใหม่ ซึ่งได้มีการโชว์ให้เห็นแล้วในงานประชุมของ Google

นักพัฒนาจะสามารถสร้างแอพฯ เวอร์ชันรันบนบราวเซอร์ แทนการพัฒนาแอพฯหลายครั้ง เพื่อให้รองรับแพลตฟอร์มอื่นๆ ด้วย อย่างเช่น Mac และ Linux บราวเซอร์ใหม่จะสามารถเล่นแอนิเมชัน และวิดีโอได้โดยไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์ Flash ซึ่งกำลังสร้างความเซ็งให้กับผู้ใช้ iPad วันนี้ เนื่องจากมันไม่สนับสนุน Flash และจากความน่าเบื่อในโลกของภาพ 2D เว็บบราวเซอร์ยุคใหม่จะสนับสนุนประสบการณ์ในการใช้งาน 3D ที่สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้หลากหลายยิ่งขึ้น บราวเซอร์ไม่ใช่แค่พัฒนาให้เร็วขึ้นเท่านั้นอีกต่อไป ทั้งนี้ MS มีแผนที่จะแสดงตัวอย่างที่มีการนำเสนอคอนเท็นต์ที่มาพร้อมลูกเล่นต่างๆ ในงานเปิดตัว IE9 นี้

นอกจากนักพัฒนาแอพฯจะตื่นเต้นกับเทคโนโลยีใหม่ๆ แล้ว นักออกแบบเว็บต่างก็กำลังคอยให้ MS ลงมาใช้ HTML5 และ CSS3 ใน IE สักที ในขณะที่ Chrome เริ่มสนับสนุน HTML5 มาตั้งแต่ปี 2008 แล้ว ผลลัพธ์ทำให้เว็บไซต์ที่ออกแบบโดยใช้ HTML5 จะดูดีใน Chrome แต่ยับเยินบน IE สำหรับ HTML5 เป็นมาตรฐานของภาษาที่ใช้พัฒนาเว็บเพจที่รวมความสามารถในการเล่นวิดีโอ และการลากและวาง (drag and drop) ไอเท็มส์ต่างๆ ในบราวเซอร์ CSS3 เป็นมาตรฐานสำหรับพัฒนาหน้าตาของเว็บให้ได้ดังใจที่ต้องการ IE มีส่วนแบ่งตลาดมากสุด แต่พัฒนาการช้าสุด ดังนั้น IE9 ที่มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด จึงมีความสำคัญต่อแนวโน้มของบราวเซอร์ยุคใหม่ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ผู้ใช้รอคอย

ข้อมูลจาก: pluggd.in

ระวัง!!! หัวขโมยใช้ Facebook หาเหยื่อ

รายงานข่าวที่ชวนให้ผู้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กอย่าง เฟซบุ๊ค (Facebook) ต้องระวังตัวกันไว้ด้วยเหมือนกัน เมื่อตำรวจมะกันได้จับหัวขโมย 3 คนที่แอบย่องเข้าบ้านเหยื่อถึง 18 รายในย่าน Northeast ซึ่งแต่ละกรณีทำให้เห็นได้ชัดเจนถึงความเดียงสาของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ

หัวขโมยสามคนซึ่งได้แก่ Mario Rojas, Leonardo Barroso และ Victor Rodriguez ได้เข้าย่องเบาทรัพย์สินจากที่พักอาศัยของเหยื่อทุกรายที่อยู่รอบๆ แนชัว รัฐนิวแฮมเชีย รวมทั้งสิ้น (เงินสด เครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี ฯลฯ) ได้ไปมากกว่า 200,000 เหรียญฯ (ประมาณ 6.15 ล้านบาท) เลยทีเดียว ประเด็นคือ หัวขโมยทั้งสามรายไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันเลย เพียงแต่ใช้วิธีเดียวกันในการหาเหยื่อ โดยเลือกปล้นในช่วงที่เหยื่อไม่อยู่บ้าน

เหยื้่อแต่ละรายที่โดนขโมยเล่นงานส่วนใหญ่จะเล่าให้ฟังว่า พวกเขาโดนขโมยขึ้นบ้านหลังจากโพสต์อัพเดตใน Facebook ว่า พวกเขากำลังจะไปพักร้อน หรือเดินทางไปทำธุรกิจ โดยจะไม่อยู่บ้านเป็นเวลาหลายวัน อีกทั้งเหยื่อทุกรายได้ตั้งค่าให้แสดงสถานะของบัญชีผู้ใช้เป็นแบบสาธารณะ (public) นั่นหมายความว่า หัวขโมยสามารถรู้ทั้งวันเวลา และสถานที่ที่จะย่องเบาเข้าไปขโมย "ผู้ใช้ควรระมัดระวังสิ่งที่โพสต์เข้าไปในเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์ก" Ron Dickerson ตำรวจในแนชัว กล่าว

ประเด็นที่น่าเห็นใจก็คือ เหยื่อหลายรายๆ เข้าใจผิด เนื่องจาก Facebook จะแสดงทุกสิ่งทุกอย่างที่ผู้ใช้โพสต์ไว้ให้ใครดูก็ได้ที่ดีฟอลต์ โดยเหยื่อไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน และเข้าใจว่า คนที่สามารถเห็นข้อความของพวกเขามีเฉพาะเพื่อนๆ เท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่เหยื่อบอกว่า ตนจะไม่อยู่บ้านหลายวัน ก็เท่ากับเป็นการแจ้งให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้เข้าไปเยี่ยมเยียนได้อย่างง่ายดาย นอกจาก Facebook แล้ว ผู้ใช้ 4Square โดยเชื่อมโยงกับ Twitter และ Facebook เพื่อแจ้งที่อยู่ขณะนั้นของตัวเองให้ทราบโดยทั่วกัน ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เสี่ยง กองบรรณาธิการ arip เคยพบข้อความจาก 4Square ที่ลิงค์กับ Twitter โดยโพสต์จากมือถือว่า "วันนี้รวย..." พร้อมทั้งระบุสถานที่ว่าอยู่หน้าธนาคาร ที่สำคัญมีรูปใบหน้าของเจ้าของข้อความด้วย อันนี้ ก็อาจจะถูกปล้นระหว่างทางได้ไม่ยาก หากหัวขโมยเป็น follwers ของเหยื่อรายนี้ แล้วบังเอิญอยู่แถวนั้นพอดี

ข้อมูลจาก: tech.blorge

Intel เผยสถาปัตยกรรมใหม่เอาใจคอเกม

รายงานข่าวล่าสุด Intel เปิดตัวสถาปัตยกรรมสำหรับโพรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่จะโหมวางตลาดในช่วงต้นปี 2011 ในงาน IDF 2010 โดยเป้าหมายของชิปรุ่นใหม่ก็คือ การช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดโพรเซสเซอร์กราฟิกที่ถูกครอบครองโดยคู่แข่งอย่าง AMD และ Nvidia


ปัจจุบัน Intel ครองส่วนแบ่งตลาดโพรเซสเซอร์บนพีซีมากกว่า 80% ก้าวต่อไปก็คือ การขยายไปสู่ตลาดโมบาย โดยล่าสุด Paul Otellini กล่าวว่า เทคโนโลยีของ Intel ได้เข้าไปอยู่ในสมาร์ทโฟนของ 2 แบรนด์ชั้นนำระดับโลกแล้ว นอกจากนี้ ทางบริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาโพรเซสเซอร์ไปสู่อีกระดับหนึ่งด้วยการเชื่อมการทำงานเข้ากับระบบรักษาความปลอดภัย ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการเข้าซื้อบริษัท McAfee เมื่อเดือนก่อน รวมถึงการผนึกเทคโนโลยีไร้สายจากบริษัท Infineon Tecnologies ที่เพิ่งซื้อมาเช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่า Intel กำลังเดินหน้าเข้าสู่เซ็คเตอร์ของเทคโนโลยีไร้สายทั้งพีซี และโมบาย

นอกจากประเด็นทิศทางของบริษัทที่ได้มีการเปิดเผยในงาน IDF 2010 แล้ว ทาง Intel ยังได้เปิดตัวสถาปัตยกรรมโพรเซสเซอร์ใหม่ที่เรียกว่า "Sandy Bridge" ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติใหม่ที่น่าจะเรียกว่า "Super Turbo Boost" ซึ่งจะสามารถเร่งความเร็วของการทำงานจนทะลุเพดานขีดจำกัดได้ เนื่องจากคุณสมบัติ Turbo Boost ในโพรเซสเซอร์รุ่นก่อนหน้านี้จะหยุดการทำงานเมื่อถึงอุณหภูมิที่จำกัด ในขณะที่ Sandy Bridge จะสามารถทำงานได้เกินกว่านั้นแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ (ประมาณ 10 - 20 วินาที) ก็ตาม

ในงานดังกล่าว Intel ยังได้สาธิตการทำงานของชิป Sandy Bridge พร้อมทั้งแนะนำคุณสมบัติหลักของมันอีกด้วย โดยชิปรุ่นใหม่จะมี 4 แกนการทำงานหลักที่สามารถทำงานได้พร้อมกัน 8 โพรเซสพร้อมกัน นอกจากนี่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่สถาปัตยกรรมใหม่จะใช้กับชิป 2 แกน 4 เธรดด้วย อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่น่าสนใจมากกว่าความเร็ว หรือจำนวนแกนการทำงานหลักก็คือ ring architecture สถาปัตยกรรมที่ใช้ใน Sandy Bridge โดยจะเป็นการแชร์หน่วยความจำแคชระหว่าง CPU กับคอร์กราฟิก ซึ่งผลลัพธ์ทีได้จะทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับ Lynnfield นอกจากนี้ยังได้เพิ่มส่วนของวงจรตรรกภายนอกคอร์ของกราฟิกที่ทำหน้าที่แปลงโค้ดของสื่อ และส่วนที่ทำหน้าที่ถอดรหัดสตรีม Blu-ray นั่นหมายความว่า โพรเซสเซอร์ที่ใช้สถาปัตยกรรม Sandy Bridge จะทำให้คอเกมส์แฮปปี้กับชิปของ Intel มากขึ้นกว่าในอดีต อ้อ..และที่ลืมไม่ได้ก็คือ สถาปัตยกรรมใหม่จะใช้พลังงานน้อยลงอีกด้วย งานนี้คงต้องดูว่า Sandy Bridge ที่จะวางตลาดในต้นปีหน้าจะสามารถได้ใจผู้ใช้พีซีที่ต้องการความแรงของการประมวลผลแบบสุดๆ ตลอดจนคอเกมส์ได้ หรือไม่?

ข้อมูลจาก: pcmag

อินเทลเปิดแคมเปญ "ทุกคอใจเดียวกัน" เจาะสาวโรงงาน!


อินเทลผุดแคมเปญกระตุ้นตลาดสาวโรงงาน หวังผลักดันเทคโนโลยีให้เข้าถึงผู้ใช้ทั่วประเทศ ผนึกกลุ่มพันธมิตรผู้ผลิตคอมพิวเตอร์แบรนด์ดังระดับโลก (MNCs) ออกโปรโมชันคอร์ i3 16,900 บาท ทำโรดโชว์โรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดต่างๆ วางเป้าเข้าถึง 1 แสนคนภายในสิ้นปี

นายเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลุ่มพนักงงานโรงงานถือเป็นฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่ ซึ่งยังไม่มีคู่ค้ารายใดเข้าไปทำตลาดมากนัก ทำให้การเปิดแคมเปญ 'ทุกคอใจเดียวกัน' เข้าไปให้ความรู้และกระตุ้นให้เกิดการซื้อในกลุ่มนี้

"สภาพตลาดไอทีในปัจจุบันมีกลุ่มผู้ใช้หลายกลุ่ม ในหลากหลายวัตถุประสงค์ ทั้งใช้คนเดียว พ่อแม่ให้ลูกใช้ ซึ่งยังมีกลุ่มพนักงานโรงงาน ทั่วประเทศกว่า 6 ล้านคน ที่มีทั้งกลุ่มวัยรุ่นซื้อใช้เอง และมีอายุที่ซื้อให้ลูกหลานใช้"

การทำแคมเปญทั่วประเทศจากร้านค้าเครื่องประกอบกว่า 150 ราย ภายใต้แคมเปญ "ทุกคอใจเดียวกัน" เป้าหมายหลักคือการสาธิตวิธีการใช้งานให้เข้าใจได้ง่าย ตรงตามความต้องการในการใช้ จากสเปกที่ใกล้ตัว ไม่นำสเปกสูงๆไปแสดง เน้นเฉพาะที่เหมาะกับการใช้งานของกลุ่มผู้บริโภค

นอกจากนี้ยังมองว่า ในบางพื้นที่การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทำได้ยาก ในกรุงเทพฯอาจจะเห็นว่าง่ายมีความเร็วสูง แต่ในต่างจังหวัดยังไม่ครอบคลุม บางพื้นที่สายโทรศัพท์ยังเข้าไม่ถึง ซึ่งปัจจุบันการมีแอร์การ์ดในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแทน ทำให้กลุ่มผู้ใช้สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้เช่นกัน

โครงการ "ทุกคอใจเดียวกัน" เริ่มทำกิจกรรมโรดโชว์ ตามนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆแล้ว เบื้องต้นวางไว้ 9 จังหวัดคือ เพชรบูรณ์ ลพบุรี เชียงใหม่ ลำพูน โคราช ขอนแก่น อุบลราชธานี พิษณุโลก และนครศรีธรรมราช

"เราเริ่มต้นโรดโชว์ไปแล้ว 2 จังหวัดคือ เพชรบูรณ์ และ ลพบุรี การตอบรับของพนักงานค่อนข้างดี ให้ความสนใจค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันผู้บริหารโรงงานก็เห็นว่ามีประโยชน์กับพนักงาน จึงช่วยอำนวยความสะดวกให้ เพราะถือเป็นการเพิ่มความรู้ให้กับพนักงานตนเอง"

เนื่องจากแคมเปญนี้ เป็นแคมเปญในระยะยาว เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคได้รับความรู้ และต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการใช้งาน รวมถึงคาดว่าคอมพิวเตอร์จะกลายมาเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่ง ที่คนไทยมีไว้ใช้ เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือที่มีกันทุกคน ดังนั้นระยะเวลาหวังผลจึงไม่ได้อยู่ในช่วง 3-4 เดือน แต่เป็น 1 ปี ถึง 2 ปี

นายสนธิญา หนูจีนแส้ง ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันมีคู่ค้าที่เป็นผู้จำหน่ายคอมพิวเตอร์ 4 รายที่เข้ามาร่วมกับเราในตอนนี้ อย่างเอเซอร์มีแคมเปญ 2-3 มาเข้าร่วม เดลล์ ซัมซุง และโซนี ก็เริ่มทำแคมเปญกับเรา รวมไปกับร้านค้าเครื่องประกอบในต่างจังหวัดเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

"กิจกรรมดังกล่าว จะเน้นกลุ่มพนักงานในโรงงาน ซึ่งไม่ค่อยมีเวลาออกมาเลือกซื้อสินค้าประเภทนี้ จึงปรับแผนการตลาดเป็นการเข้าไปตั้งบูท ทำโรดโชว์ภายในโรงงานอุตสาหกรรม จากตัวแทนประกอบเครื่องจำหน่ายเป็นหลัก สเปกเบื้องต้นเป็น จอ 18.5 นิ้ว ใช้คอร์ i3 ฮาร์ดดิสก์ 500GB หน่วยความจำ 2 GB ในราคา 16,900 บาท"

โดยกิจกรรมที่นำเสนอ เช่น การสาธิตการใช้งานควบคู่ไปกับโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปได้ เพื่อนำมาอัปโหลดขึ้นไปในอินเทอร์เน็ต ถ่ายวิดีโอมาทำการตัดต่อ ออนไลน์โปรแกรมสนทนาต่างๆ ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปอาจจะมองว่าเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่มาก

ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มที่ซื้อคอมพิวเตอร์เพื่อให้ลูกได้ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการทำการบ้าน พิมพ์งาน พรินต์งาน ซึ่งผู้ซื้ออาจจะไม่เข้าใจวิธีการใช้ แต่ลูกสามารถใช้ได้ ก็จะมาให้ความรู้ในส่วนนี้เพิ่มเติม เพื่อให้รู้ถึงความสามารถของคอมพิวเตอร์เพิ่มเติม

เบื้องต้นอินเทลกำหนดราคาโปรโมชันให้กับร้านค้ามากกว่า 150 แห่ง ทั่วประเทศสำหรับ คอร์ i3 ที่มาพร้อมกับฮาร์ดดิสก์ 500GB หน่วยความจำ 2GB และหน้าจอ 18.5 นิ้ว เริ่มต้นที่ 16,900 บาท ขณะที่ คอร์ i5 เริ่มต้นที่ 19,900 บาท และคอร์ i7 เริ่มต้นที่ 32,900 บาท รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ทั้งนี้ถ้าร้านจะทำการเพิ่มการ์ดจอเข้าไปเพื่อเพิ่มราคาให้สูงขึ้นก็สามารถทำได้

ไมโครซอฟท์ชวนเลือดไอทีรุ่นใหม่แข่งอิมเมจินคัพ


ไมโครซอฟท์ชวนเยาวชนแข่งอิมเมจิน คัพ ปี 9 หาตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันระดับโลก พร้อมเตรียมจัดโรดโชว์ไปยังมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ

นางสาวปฐมา จันทรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไมโครซอฟท์จัดการแข่งขันอิมเมจิน คัพ ปีที่ 9 ค้นหาตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันระดับโลกที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งคาดหวังจะให้ไทยครองแชมป์ระดับโลกเป็นปีที่ 3 การแข่งขันทุกปีจะมีเยาวชนจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลกส่งผลงานเข้าร่วมแข่งขันประเภทต่างๆ กว่า 1,000 คน

ส่วนประเทศไทย เน้นการแข่งขันประเภทการออกแบบซอฟต์แวร์แอพพลิเคชั่น ซึ่งแนวคิดของการแข่งขันปีนี้ คือ “Imagine a world where technology helps solve the problems facing us today” ซึ่งใช้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของมนุษยชาติที่จำเป็นต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาต่างๆ ที่โลกกำลังเผชิญอยู่ทุกวันนี้ ขณะที่การแข่งขันทั่วโลก แบ่งเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ซอฟต์แวร์ ดีไซน์ เกม ดีไซน์ ดิจิทัล มีเดีย มัลติมีเดีย ไอที ชาลเลนจ์ และเอ็มเบดเด็ด ดีเวลอปเม้นต์

ปีนี้ ไมโครซอฟท์ไทย เปิดให้นักศึกษายื่นข้อเสนอโครงงานได้ตั้งแต่วันนี้ - 12 ธ.ค.2553 จากนั้นคัดเลือกโครงร่างผลงานยอดเยี่ยม 10 อันดับเข้าสู่รอบ 10 ทีมสุดท้าย วันที่ 20 ธ.ค.2553 ก่อนให้นักศึกษานำโครงร่างผลงานไปพัฒนาเป็นซอฟต์แวร์เพื่อใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ

ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์จะจัดกิจกรรมเพื่อเสริมทักษะและต่อยอดความรู้ให้แก่ทีมนักศึกษาที่ผ่านการคัดเลือกรอบ 10 ทีมสุดท้าย วันที่ 11 - 31 ม.ค.2554 เพื่อให้นำเสนอผลงานวันที่ 4 ก.พ.2554 กำหนดประกาศผลรางวัล และทุนการศึกษา วันที่ 11 ก.พ.2554

พร้อมกันนี้ จะจัดโรดโชว์ไปยังมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ เพื่อดึงนักศึกษาต่างจังหวัดเข้าร่วมมากขึ้น และยังสร้าง Thailand Imagine Cup Facebook ที่ www.facebook.com/icthai ให้ร่วมกิจกรรม และ www.microsoft.com/thailand/imaginecup ให้หาข้อมูล หรือสมัครร่วมแข่งขัน


ข้อมูลจาก : http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20100901/350990/%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%9E.html

HD เว็บแคม-คีย์บอร์ดเรืองแสง อิทธิพล “ดิจิตอลไลฟ์"


กลุ่มยังส์เจนเนอเรชั่น “D” มีวิถีชีวิตแบบดิจิตอลที่มีอุปกรณ์ไฮเทคต่างๆ เข้ามาตอบสนองความต้องการด้านการใช้งานต่างๆ ของตนเอง ซึ่งส่งผลให้อุปกรณ์รุ่นใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาออกมาต่างได้รับอิทธิพลของ “ดิจิตอลไลฟ์” นอกจากนี้ยังพร้อมที่จะสร้างพฤติกรรมการใช้งานที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย

เห็นได้ชัดว่าผลิตภัณฑ์แอคเซสซอรี่ที่เกี่ยวพันกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันนั้นมุ่งตอบสนองดิจิตอลไลฟ์ที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น อย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากค่ายลอจิเทคนั้น ถือได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับเว็บแคมและการใช้งานวิดีโอคอลล์ไปสู่ระดับไฮเดฟ

เว็บแคมตระกูลใหม่ของลอจิเทค นำโดย Logitech HD Pro Webcam C910 ที่ให้ความคมชัดระดับ HD 720p พร้อมวิดีโอคอลล์แบบ HD และ Video Recording เครื่องบันทึกวิดีโอแบบ HD เต็มสตรีมระดับ 1080p โดยมีจุดเด่นที่เทคโนโลยี Logitech Fluid Crystal อัพโหลดไฟล์ง่ายเพียงคลิกเดียว ตอบสนองผู้ที่ใช้งานเฟซบุ๊กและยูทูบในการแชร์เรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

“เว็บแคม HD ทำให้พฤติกรรมของคนยุโรป อเมริกา ออสเตรเลียเปลี่ยนไป จากภาพที่คมชัดขึ้นทำให้เกิดการใช้งานอย่างแพร่หลายไม่มีปัญหาเรื่องของภาพแบบเดิมๆ” ปราเซนจิท ซาร์กา ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียใต้ ลอจิเทค กล่าว

ลอจิเทคมองว่าวิดีโอคอลล์แบบ HD เป็นอีกก้าวหนึ่ง ในการนำเสนอสู่โลกแห่งการสื่อสารด้วยวิดีโอเป็นหลัก และให้สามารถใช้งานเหมือนการใช้โทรศัพท์สื่อสารระหว่างทุกคน และทุกสถานที่ ทั้งนี้ด้วยเว็บแคมลอจิเทค HD และเทคโนโลยี HD Vid ทำให้ผู้ใช้งานที่ต้องการแชร์ร่วมกัน ต้องการเชื่อมต่อ หรือเพื่อดูคนที่ติดต่อด้วย สามารถได้ครบทุกรายละเอียดที่มากกว่าคุณภาพของเว็บแคมแบบบิวท์อินทั่วไปจะสามารถทำได้

ไม่เพียงเว็บแคม HD เท่านั้นที่สร้างพฤติกรรมรูปแบบให้กับการใช้งาน ลอจิเทคยังได้เปิดตัว K800 คีย์บอร์ดเรืองแสงไร้สายที่สามารถชาร์จประจุใหม่ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้ใช้คอมพิวเตอร์ให้สามารถพิมพ์งานในที่มืดได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน

ทั้งนี้คีย์บอร์ดเรืองแสงไร้สาย K800 เหมาะสำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญทั้งเรื่องรูปแบบและฟังก์ชั่น มีจุดเด่นด้วยเทคโนโลยีแสงแบ็คไลท์อัตโนมัติที่ปรับตามปริมาณแสงสว่างในห้องด้วยระบบตรวจจับแสงโดยรอบ ขณะที่ระบบ Motion sensor จะตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อให้แสงแบ็คไลท์ทำงานหรือหยุดตามการเคลื่อนไหวของมือผู้ใช้งาน รวมทั้งเทคโนโลยี Logitech Unifying และระบบ PerfectStroke และ Logitech Incurve keys ช่วยเพิ่มความสะดวกในการพิมพ์งานให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ปราเซนจิท ซาร์กา กล่าวว่าแนวโน้มผู้ใช้งานที่คุ้นเคยกับดิจิตอลไลฟ์มีอิทธิพลอย่างมากกับผลิตภัณฑ์แอคเซสซอรี่ ยิ่งไปกว่านั้นยังส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ทางด้านนี้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้น โดยเป็นกลุ่มยังส์เจนเนอเรชั่นที่มีแรงซื้อเพิ่มมากขึ้น

โน้ตบุ๊กมี “คาแรกเตอร์” เลอโนโวขายความแตกต่าง

ระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีหลังจาก “เลอโนโว” ยักษ์คอมพิวเตอร์สัญชาติจีน ซื้อกิจการคอมพิวเตอร์ของ “ไอบีเอ็ม” ได้มีการปรับทิศทางธุรกิจนี้จนเข้ารูปเข้ารอยจนเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ด้วยการสร้าง “คาแรกเตอร์” ใหม่ให้กับแบรนด์เลอโนโวแตกต่างจากความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค และกำลังเดินหน้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในปีนี้

การก้าวสู่การทำตลาดปีที่ 5 ของเลอโนโวในประเทศไทย กำลังสร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นกับแบรนด์นี้ยิ่งชัดเจนขึ้น จากความยิ่งใหญ่ในตลาดโลกที่สามารถปั้นแบรนด์จนประสบความสำเร็จยืนอยู่ในผู้ผลิตคอมพิวเตอร์อันดับที่ 3 ของโลก อันดับ 1 ในเอเชียแปซิฟิก และอันดับ 1 ตลอดระยะเวลา 8 ปีในประเทศจีน ทั้งหมดคือความสำเร็จของบริษัทที่มีอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น

“เลอโนโวไม่ใช่แบรนด์ที่ทุกคนไม่รู้จักอีกต่อไป”

เป็นคำกล่าวของ ขจรเกียรติ อร่ามรัศมีกุล ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ในบ้าน ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม บริษัท เลอโนโว ประเทศไทย จำกัด

เลอโนโวใช้เวลา 5 ปีในการวางฐานธุรกิจในประเทศไทย เริ่มจากปี 2549-2550 เป็นปีที่เลอโนโวในเวลาไปกับการปูรากฐานของธุรกิจหลังการควบรวมกิจการกับไอบีเอ็ม โดยเฉพาะการจัดการเรื่องของแบ็กออฟฟิศ ส่วนผลิตภัณฑ์หลักยังใช้ “Think” ของไอบีเอ็มทำตลาด และยังคงอาศัยช่องทางการทำตลาดรูปแบบเดิมอยู่ พอมาในปี 2551-2552 เลอโนโวเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงด้วยการเข้าใจความต้องการของลูกค้ามากขึ้น เลอโนโวเน้นการสร้างแบรนด์มากยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มการรับรู้แบรนด์เลอโนโวให้กับลูกค้ายิ่งขึ้น

และในช่วงปี 2553 นี้ เลอโนโวมีเป้าหมายสำคัญที่จะเดินหน้ากลยุทธ์ทางธุรกิจด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด โดยมีเป้าใหญ่ที่จะขึ้นสู่ 1 ใน 3 ของผู้นำตลาดในประเทศไทย

กลยุทธ์หลักที่เลอโนโวจะนำมาใช้ในปีนี้นั้น เน้น 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1.กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์และพันธมิตร เลอโนโวมองว่าผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องสวยที่สุด และนั่นคือจุดขายสำคัญที่ทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์รับรู้ว่าผลิตภัณฑ์ของเลอโนโวมีคุณภาพดี 2.กลยุทธ์ช่องทางการจัดจำหน่าย เน้นพัฒนาช่องทางให้มีความแข็งแกร่งขึ้น ด้วยการโฟกัสตลาดต่างจังหวัด โมเดิร์นเทรดและกลุ่มเอสเอ็มบี 3.กลยุทธ์ด้านพาร์ตเนอร์ ที่จะมีการปรับปรุงทีมขาย การจัดพื้นที่ขายและเพิ่มพนักงานหน้าร้านให้มีความรู้ยิ่งขึ้น รวมถึงการเพิ่มศูนย์บริการ และ 4.กลยุทธ์การตลาดแบบครบวงจร ภายใต้แนวคิด “What's your idea of fun” ซึ่งเป็นแนวคิดสนุก สะดวก สบายของเลอโนโว ที่จะเน้นพุ่งเป้าไปที่กลุ่มนักศึกษาและผู้เริ่มทำงาน และในการตลาดแบบครบวงจรของเลอโนโวนั้นจะมีการให้ความสำคัญกับโซเชียลมีเดียมากขึ้นด้วย

เลอโนโวยังมีการจัดแคมเปญฉลอง 5 ปีแห่งความสำเร็จทั่วประเทศไทย ภายใต้คอนเซ็ปต์ “เต็มร้อยตลอด 5 ปี เต็มที่ทุกไลฟ์สไตล์คุณ” ด้วยการจัดกิจการข้อเสนอพิเศษและโปรโมชั่นต่างๆ จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการเปิดตัวดีเจโอปอล์และดีเจเชา เชา เป็นแอมบาสเดอร์ประจำแคมเปญ

“สิ่งที่เลอโนโวอยากได้จากแอมบาสเดอร์คือการตอกย้ำให้เห็นถึงคาแรกเตอร์ของโน้ตบุ๊กที่มีจุดเด่นเรื่องของความสนุกสนานเป็นไลฟ์สไตล์ที่แสดงให้เห็นถึงแนวบวก ซึ่งคาแรกเตอร์ของโอปอล์และเชา เชา บ่งบอกถึงเลอโนโวได้เป็นอย่างดีและเป็นการสร้างจุดแตกต่างกับแบรนด์อื่นๆ ที่ใช้พรีเซนเตอร์ที่สวยงามเพียงอย่างเดียว” ขจรเกียรติกล่าว

Samsung Galaxy Tab แท็บเลตจาก "ซัมซุง"


ในงานคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ โชว์ IFA 2010 ที่เบอร์ลิน เมื่อสัปดาห์ก่อน แท็บเลตตัวหนึ่งที่ถูกจับตามองจากผู้เข้าร่วมงานก็คือ Samsung Galaxy Tab สาเหตุประการสำคัญก็เพราะถือว่าเป็นแท็บเลตจากค่ายใหญ่ตัวแรก ๆ ที่กระโดดลงสู่สมรภูมิที่มีไอแพด ของแอปเปิล กรุยทางสร้างกระแสเอาไว้

เดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ Samsung Galaxy Tab จะเริ่มเปิดตลาดในยุโรปก่อน ส่วนตลาดสหรัฐจะตามมาหลังจากนั้น

Samsung Galaxy Tab เป็นแท็บเลตที่ซัมซุงมั่นใจว่าผ่านการวิจัยความต้องการของผู้บริโภคมาก่อนเป็นอย่างดี อาศัยระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ตัวล่าสุดคือ 2.2 เป็นฐาน พร้อมกับสร้างแอปพลิเคชั่นสำหรับการใช้งานขึ้นมาอีกจำนวนมากพอสมควร มากถึง 200 ตัวในตอนเปิดตัว และการที่มีระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทำให้ผู้ใช้สามารถพึ่งพิงแอปพลิเคชั่นจากแอนดรอยด์ มาร์เก็ตได้ด้วย

ขนาดของ Samsung Galaxy Tab เล็กและเบากว่าไอแพด หน้าจอ 7 นิ้ว ความหนาไม่ต่างกัน ใช้เป็นโทรศัพท์และวิดีโอ คอลล์ ได้ด้วย สามารถเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ทั้ง 3G บลูทูท และไวไฟ มีกล้องทั้งด้านหน้าและหลัง ความจุ 16 GB และ 32 GB

นอกจากแอปพลิเคชั่นแล้ว ซัมซุงยังจัดเตรียมแอปพลิเคชั่นสำหรับการอ่านไว้ถึงสามตัวคือ PressDisplay สำหรับการอ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ Kobo โปรแกรมอีรีดเดอร์ของค่ายบอร์เดอร์ส ที่มีอีบุ๊กมาก กว่า 1 ล้านเล่ม และ Zinio สำหรับอ่านแมกาซีนออนไลน์ ส่วนทางด้านมีเดียก็มี Galaxy Tab Music App

การจัดเตรียมแอปพลิเคชั่นเพื่อเข้าถึงอีบุ๊กและมีเดีย รวมถึงตลาดแอปพลิเคชั่น ทำให้เชื่อว่า ซัมซุงเข้าใจในความเป็นแท็บเลตมากกว่าเพียงแค่ฮาร์ดแวร์ใหม่ชนิดหนึ่ง และจัดได้ว่าเป็นคู่แข่งที่มีสีสันในตลาด แท็บเลต ส่วนปัจจัยแห่งความสำเร็จจะอยู่ที่การตั้งราคาที่ถูกต้อง ซึ่งตอนที่เขียนอยู่นี้ยังไม่ทราบราคาที่แน่ชัด แต่หนังสือพิมพ์ ดิ เอเชี่ยน วอลล์สตรีต เจอร์นัล อ้างผู้บริหารซัมซุงเองบอกว่าราคาจะอยู่ในราว 200-300 เหรียญ ขณะที่โกเรีย ไทมส์ รายงานว่า สมาร์ทโฟน Galaxy S เล็กน้อย ราว 300-400 เหรียญ

แท็บเลตจากค่ายต่าง ๆ คงจะทยอยออกกันมาเรื่อย ๆ และในปีหน้าจะเป็นที่การแข่งขันด้านราคาของแท็บเลตดุเดือดไปตามสภาพตลาด ขณะที่ซัมซุงมี "แบรนด์" อันเป็นที่ยอมรับอยู่ด้วยเช่นกัน

ในสหรัฐ Galaxy S ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ นับเฉพาะที่ขายผ่านทีโมบายล์และเอทีแอนด์ที ยอดสูงถึง 1 ล้านเครื่อง คาดว่าพอถึงสิ้นปีเมื่อรวมที่ขายผ่านสปริ๊นต์ด้วยน่าจะเกิน 2 ล้านเครื่อง

IBM โชว์ชิปคอมพ์เร็วสุดในโลก


ยักษ์ใหญ่สีฟ้าไอบีเอ็ม ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาชิปประมวลผลคอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดในโลก ให้ชื่อรุ่นว่า z196 เป็นชิปสำหรับคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์แบบ 4 คอร์ประมวลผลซึ่งประกอบด้วยทรานซิสเตอร์ 1,400 ล้านตัว บนพื้นที่ 512 มิลลิเมตร

ไอบีเอ็มอ้างว่า z196 สามารถจัดการงาน 50,000 ล้านคำสั่งต่อ 1 วินาที ทำงานที่สัญญาณนาฬิกา 5.2GHz โดยที่ยังไม่ผ่านการโอเวอร์คล็อกหรือการตั้งค่าพิเศษใดๆ ผลิตบนเทคโนโลยี 45 นาโนเมตรพร้อมเทคโนโลยี DRAM มีคิวติดตั้งในเครื่องเมนเฟรมรุ่นล่าสุดของไอบีเอ็มนามว่า zEnterprise 196 เพื่อวางจำหน่ายในวันที่ 10 กันยายนนี้

เมนเฟรมรุ่นดังกล่าว ไอบีเอ็มให้ข้อมูลว่าใช้เงินทุนวิจัยและพัฒนาถึง 1,500 ล้านเหรียญตลอด 3 ปีที่ผ่านมา โดยระบบ IBM zEnterprise System นี้จะมาพร้อมความสามารถที่สูงขึ้นกว่า System z10 เมนเฟรมรุ่นก่อนของไอบีเอ็มราว 60% ซึ่ง System z10 นี้ก็มีความสามารถเพิ่มขึ้นถึง 17,000 เท่าตัวเมื่อเทียบกับ Model 91 เมนเฟรมซึ่งไอบีเอ็มเปิดตัวในปี 1970

อย่างไรก็ตาม z196 ยังมีความเร็วน้อยกว่าชิป Venus CPU จากฟูจิตสึ ซึ่งประกาศว่าสามารถพัฒนาชิปที่สามารถทำงาน 128,000 ล้านคำสั่งต่อ 1 วินาที แต่ติดที่ชิปจากฟูจิตสึนั้นยัง
ไม่พร้อมจะติดตั้งลงในสุดยอดคอมพิวเตอร์ในขณะนี้


โน้ตบุ๊กแข่งดุเปิดเกมชิงมาร์เก็ตแชร์ "โตชิบา-เดลล์-ซัมซุง"เครื่องแรงเบียด"เอชพี"ตก

ตลาดโน้ตบุ๊กแข่งเดือด หลังผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาแย่งเค้กเพิ่มขึ้น สร้างความกดดันให้กับแบรนด์ผู้นำอย่าง "เอเซอร์และเอชพี" เปิดตัวเลข "ไอดีซี" ไตรมาส 2 ส่วนแบ่งตลาด "เอชพี" ตกลงมาอยู่ที่ 19% จากปีที่แล้วอยู่ที่ 30% ขณะที่ "ซัมซุง" มาแรง รั้งอันดับ 6 ของตลาดด้วยแชร์ 7.2% หลังเพิ่งเข้ามาทำตลาดเพียงปีเดียว ฟาก "โตชิบา" ยอมรับศึกหนัก ทุกค่ายพยายามช่วงชิงตำแหน่งที่ 3 ด้าน "เดลล์" ชูการทำตลาดผ่านโซเชียลมีเดีย พร้อมส่งรุ่น 15,900 บาท บุกตลาดต่างจังหวัด

แหล่งข่าวจากวงการคอมพิวเตอร์เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า จากที่บริษัท ไอดีซีได้เปิดเผยข้อมูลตลาดคอมพิวเตอร์ไตรมาส 2 ที่ผ่านมา พบว่าช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ตลาดรวมพีซีและโน้ตบุ๊กรวมอยู่ที่ 1.6 ล้านเครื่อง และประเมินว่าทั้งปีจะอยู่ที่ 3 ล้านเครื่อง โดยจะเป็นสัดส่วนของตลาดโน้ตบุ๊ก 1.8 ล้านเครื่อง และเดสก์ทอป 1.2 ล้านเครื่อง ในส่วนของตลาดโน้ตบุ๊ก ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตกว่า 20% อย่างต่อเนื่อง ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เอเซอร์ยังคงส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 34% ขณะที่อันดับ 2 แม้ว่าจะยังคงเป็นของฮิวเลตต์-แพคการ์ด (เอชพี) แต่ด้วยส่วนแบ่งตลาดที่ลดลงเหลือเพียง 19% อันดับ 3 เป็นของโตชิบา ด้วยส่วนแบ่งตลาด 8.5%

สำหรับกรณีของเอชพีนั้น ถือว่ามีส่วนแบ่งตลาดที่มีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเมื่อต้นปี 2552 อยู่ที่ประมาณ 30% ซึ่งมีการปรับลดลงต่อเนื่อง จนเมื่อไตรมาส 4 ของปีที่แล้วลดลงมาอยู่ที่ 23% ส่วนหนึ่งอาจเป็นปัญหาในเรื่องการบริหารจัดการสินค้า ที่ไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของ ผู้บริโภคได้ทันท่วงที



ขณะที่น้องใหม่อย่างเดลล์ ซึ่งเพิ่งเข้ามาทำตลาดคอนซูเมอร์เมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 4 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 8.1% รวมทั้งซัมซุงถือว่าเป็นน้องใหม่ในตลาดคอมพิวเตอร์เมืองไทย เพิ่งเข้ามาทำตลาดโน้ตบุ๊กเพียง 1 ปีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สินค้าที่เข้ามาทำตลาดของซัมซุง ส่วนใหญ่จะเป็นเน็ตบุ๊ก ซึ่งมีระดับราคาหมื่นต้น ๆ แม้ว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์ในเชิงยูนิตมาก แต่ในแง่มูลค่าก็ไม่มาก ขณะที่อัสซุสอยู่ที่อันดับ 5 ด้วยส่วนแบ่งตลาด 7.7% และเลอโนโว 6.5% เรียกว่ากลุ่มแบรนด์รอง ๆ มีมาร์เก็ตแชร์ขยับเพิ่มกันทั้งสิ้น

นายกฤตวิทย์ กฤตยเรืองโรจน์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มคอนซูเมอร์ ประจำภาคพื้นเอเชียใต้ บริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีแรก เดลล์มี ยอดขายติดอันดับ 1 ใน 3 ของตลาดพีซีและโน๊ตบุ๊กสำหรับกลุ่มคอนซูเมอร์ แต่ผู้เล่นในตลาดคอมพิวเตอร์อันดับที่ 3-5 ของตลาดมีส่วนแบ่งการตลาดเกาะกลุ่มกันมาก ส่วนใหญ่เน้นการแข่งขันด้านราคา การทำโปรโมชั่น และการให้อินเซนทีฟแก่ ผู้ขายหน้าร้านเป็นหลัก แต่สิ่งที่เดลล์ทำ คือการทำแคมเปญสร้างการรับรู้ในแบรนด์มากขึ้น การทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่อง มีสินค้าทุกเซ็กเมนต์ รวมถึงการขยายช่องทางจำหน่ายครอบคลุม

โดยมีแผนเปิดคอนเซ็ปต์สโตร์อีก 3 แห่ง ภาคอีสาน 2 แห่ง และในกรุงเทพฯ ที่พาราไดซ์ พาร์ค จากปัจจุบันมีคอนเซ็ปต์สโตร์ทั้งหมด 7 แห่ง ใน กทม. เชียงใหม่ ระยอง และภูเก็ต และมการขยายตัวแทนจำหน่ายเพาเวอร์บาย และไอทีซิตี้เพิ่ม

และจากที่ตลาดต่างจังหวัดมีการเติบโตทำให้เดลล์ผลักดันตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยมีสินค้ารุ่นเอนทรีออกมารองรับ โดยล่าสุด เดลล์เปิดตัวโน้ตบุ๊ก 2 รุ่น คือ Dell Inspiron N4030 ขนาด 14 นิ้ว ราคา 15,990 บาท เจาะกลุ่มผู้ใช้งานครั้งแรก และรุ่น M301Z ซีพียู AMD Low Voltage เน้นการใช้งานบางเบา ราคา 21,990 บาท

"จุดต่างของเดลล์ในการแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ คือการใช้กลยุทธ์การทำตลาดผ่านเครือข่ายสังคม เพื่อสร้างแบรนด์ และจุดเด่นด้านออนไซต์เซอร์วิสภายใน 1 วัน "

ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 ถึงสิ้นปี เดลล์จะเน้นการใช้กลยุทธ์การทำตลาดผ่านเครือข่ายสังคมเป็นหลัก เพื่อเจาะตลาดคอนซูเมอร์ โดยบริษัทได้จัดสรรงบประมาณเพื่อใช้สำหรับสื่อออนไลน์โดยเฉพาะ ในสัดส่วนที่มากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยล่าสุด เดลล์จัดแคมเปญ "เดลล์ท้าสมองประลองกึ๋น" ให้ผู้สนใจและแฟนคลับเดลล์ค้นหา QR Code ตามสื่อโฆษณาต่าง ๆ และร่วมตอบคำถาม เพื่อรับโน้ตบุ๊กเดลล์ Inspiron N4010 ตั้งแต่ ก.ย.-พ.ย. 2553 เพื่อเพิ่มจำนวนแฟนเพจเฟซบุ๊ก จากปัจจุบันที่มีจำนวน 1.7 หมื่นราย และสามารถเข้าถึงลูกค้าที่สนใจสินค้าของเดลล์มากขึ้น

นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจไอที บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ผลจากการที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดโน้ตบุ๊ก ก็ทำให้ภาพรวมของตลาดเปลี่ยนไปจากอดีต เอเซอร์และเอชพี 2 รายนี้รวมกันจะมีมาร์เก็ตแชร์กว่า 70% แต่ปัจจุบัน 2 แบรนด์รวมกันแค่ 50% กว่าเท่านั้น ขณะที่กลุ่มแบรนด์รอง ๆ ก็แข็งแกร่งและเข้ามามีบทบาทในตลาดมากขึ้น ทำให้เกิดการแย่งมาร์เก็ตแชร์จากผู้นำตลาด

เนื่องจากตลาดโน้ตบุ๊กเมืองไทยมีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ ทำให้บริษัทแม่ให้ ความสำคัญกับการทำตลาดมากขึ้น ซึ่งหมายถึงเม็ดเงินและการสนับสนุนนโยบายการตลาดต่าง ๆ ทำให้การทำตลาดของ โตชิบาในประเทศไทยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและสามารถแข่งขันกับตลาดได้

"ในส่วนของโตชิบาก็ต้องพยายามรักษาอันดับ 3 ไว้ เพราะต้องยอมรับว่าในตลาดอันดับ 3-7 นั้นมีส่วนแบ่งตลาดต่างกัน ไม่มาก ทำให้ในแต่ละไตรมาสก็มีการสลับตำแหน่งกัน ซึ่งทุกแบรนด์พยายามที่จะขึ้นชิงที่ 3 เพราะโอกาสในการขยับขึ้นไปอันดับ 2 นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ขณะที่ในส่วนผู้นำอันดับ 1และ 2 ก็ต้องพยายามรักษามาร์เก็ตแชร์ไม่ให้ตก เรียกว่าเหนื่อยและหนักกันทุกแบรนด์" นายถกลกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของบริษัท ก็ต้องพยายามรักษาโมเมนตัมในการทำตลาด ซึ่งต้องพยายามทำให้ต่อเนื่องและครบเครื่อง ทั้งในแง่ของโปรดักต์ที่เข้าตอบโจทย์ให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ รวมถึงการพัฒนาในแง่ช่องทางการจัดจำหน่าย ซึ่งในส่วนนี้ โตชิบาก็อาจจะยังขาดอยู่บ้าง เพราะยังไม่ได้เข้าในกลุ่มดิสเคานต์สโตร์ ขณะที่คู่แข่งส่วนใหญ่ก็เข้าไปหมดแล้ว

ซอฟต์แวร์พาร์ค แจ้งเกิดช่องทีวี-ปิ๊งรายการ 3มิติที่แรก

ซอฟต์แวร์พาร์ค คลอดรายการทีวี ซอฟต์แวร์พาร์คแชนแนล อาศัยเคเบิลและอินเทอร์เน็ตทีวี สร้างแบรนด์ซอฟต์แวร์ไทย ยิงสดผ่านเน็ต ใช้เฟซบุ๊กเป็นช่องทาง หวังดึงผู้ประกอบร่วมธุรกิจ พร้อมโชว์เทคโนโลยี 3 มิติ ฝีมือคนไทยทำต้นแบบรายการ...

9 ก.ย. นางสุวิภา วรรณสาธพ ผู้อำนวยการเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย หรือ ซอฟต์แวร์พาร์ค กล่าวว่า ขณะนี้ ซอฟต์แวร์พาร์คได้จัดทำโครงการสร้างสื่อใหม่ให้กับธุรกิจซอฟต์แวร์ไทย โดยเปิดช่องทางใหม่คือ รายการเคเบิลทีวี และอินเทอร์เน็ตทีวี ชื่อรายการซอฟต์แวร์พาร์ค แชนแนล (Software Park Channel) ทั้งนี้ การสร้างรายการทีวีของซอฟต์แวร์พาร์ค จะเป็นการจัดทำรายการทีวีที่เน้นประสิทธิภาพสูงแต่ต้นทุนต่ำ โดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย เนื้อหาจะเน้นการแสดงถึงศักยภาพของซอฟต์แวร์ไทยโดยตรง โดยเริ่มออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา


ผู้อำนวยการซอฟต์แวร์พาร์ค กล่าวต่อว่า การทำสื่อใหม่ให้กับธุรกิจนี้ ยังดึงเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นช่องทางจากโซเชียล เน็ตเวิร์คกิ้งเข้ามาใช้ประโยชน์ และช่วยประชาสัมพันธ์สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่ให้เข้มแข็งได้ เนื่องจากพบว่า ขณะนี้ยอดผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยมีจำนวน 16.8 ล้านคน หรือคิดเป็น 20% ของประชาชนในประเทศ และมีผู้ใช้มือถือจำนวน 61 ล้านคน จึงเป็นช่องทางที่มีประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ยังสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของผู้บริโภคไปด้วย โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้สึกว่าโดนล้วงข้อมูล ขณะเดียวกัน ก็สามารถสอดแทรกเข้ามาเพี่อเป็นการตอบโจทย์ธุรกิจได้ตรงกลุ่มเป้าหมายด้วย

“จุดสำคัญที่ก่อให้เกิดรายการนี้ขึ้นมาคือ ความร่วมมือกันทั้งจากซอฟต์แวร์พาร์ค บริษัท แอ็บโซลูท-เอ อันเป็นสื่อและผู้ทำธุรกิจซอฟต์แวร์ รวมถึงบริษัท ไอเอสแอลที ที่ไปคว้ารางวัลระดับนานาชาติทางด้านซอฟต์แวร์สำหรับสื่อ จะทำให้ซอฟต์แวร์พาร์ค แชนแนล เป็นรายการที่ลงตัว และสามารถรองรับเนื้อหาที่เกี่ยวกับซอฟต์แวร์ไทยได้อย่างดี” นางสุวิภา กล่าว

ผู้อำนวยการซอฟต์แวร์พาร์ค กล่าวด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นประโยชน์ของทั้งวงการคือ ทางซอฟต์แวร์พาร์คจะมีรายการซอฟต์แวร์ที่เป็นที่สนใจของประชาชน และได้โปรโมทวงการซอฟต์แวร์ไทยอย่างเต็มที่ ส่วนทางบริษัทก็จะเป็นกลุ่มผู้ผลิตรายการรายแรกๆ ของเมืองไทยที่ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีนี้ออกอากาศ และมีความเชี่ยวชาญการสร้างรายการ 3 มิติ ในต้นทุนต่ำ มีโอกาสในการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มนี้ให้เกิดมากขึ้นในประเทศ

ด้านนายสุนทร เกียรติธนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอ็บโซลูท-เอ กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของการเข้ามาทำรายการดังกล่าว คือต้องการเป็นตัวจุดประกายให้เกิดช่องรายการที่เป็นรายการทางด้านซอฟต์แวร์อย่างจริงจังเกิดขึ้น ปัจจุบันช่องรายการทีวีใหม่ๆ เกิดง่ายแต่มักจะเน้นรายการที่เป็นบันเทิง และเป็นรายการที่เป็นช่ององค์กรมากขึ้น โดยจากกระแสข่าวมีแนวโน้มจะเกิดช่องรายการที่เป็นไอทีขึ้น แต่ยังต้องใช้เวลาและการใช้เนื้อหาอย่างมาก

สำหรับรายการนี้ เป็นรายการต้นแบบ เพื่อจะนำไปสู่การเป็นช่องรายการขนาดใหญ่ต่อไป ทางบริษัทจะรับผิดชอบทางด้านการถ่ายทำทั้งหมด โดยแบ่งช่วงรายการออกเป็น 4 ช่วงๆ ละ 10 นาที ในช่วงแรกจะเป็นการปูพื้น หรือที่มาของบริษัทซอฟต์แวร์ หรือตัวซอฟต์แวร์นั้นๆ ช่วง 2 จะเน้นให้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณสมบัติพิเศษที่โดดเด่นของตัวซอฟต์แวร์ ช่วง 3 จะเน้นเรื่องการตลาดและประสบการณ์ที่ติดตั้งให้กับลูกค้าองค์กรต่างๆ และช่วง 4 จะเน้นเรื่องการวิจัย และพัฒนาตัวซอฟต์แวร์ตัวนั้น หรือซอฟต์แวร์ตัวใหม่ของบริษัทซอฟต์แวร์ที่มาออกรายการ โดยอยู่ในรูปแบบการนั่งโต๊ะพูดคุย และใช้พิธีกรที่มีความคุ้นเคยกับวงการซอฟต์แวร์เป็นคนสร้างสีสัน ผ่านการถ่ายทอดสดผ่านเว็บไซต์
http://Knowhow.swpark.or.th ทุกวันพุธ 10.30 น. และเทปจะถูกตัดทอนเข้าไปในช่องทางรายการหลักซอฟต์แวร์พาร์ค แชนแนล ต่อไป

อย่างไรก็ตาม รายการซอฟต์แวร์พาร์ค แชนแนล ได้จัดทำรายการไปแล้วจำนวน 15 ตอน ออกอากาศที่ช่อง TCNN (Thai Cable News Network) ทุกวันอาทิตย์ เวลา 11:05-12:00 น. ไปแล้วจำนวน 10 ตอน รายละเอียดการผลิตของซอฟต์แวร์พาร์ค แชนแนล คือ จะผลิตเบื้องต้น 52 ตอน หรือจำนวนออกอากาศอาทิตย์ละ 40 นาที เป็นเวลา 1 ปี หลังจากนั้นจะมีการวิเคราะห์และปรับทิศทางตามสถานการณ์ของเทคโนโลยีต่อไป

ด้านนายณัฐ รองสวัสดิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย บรอดคาสติ้ง เทเลวิชั่น จำกัด กล่าวว่า การเปิดยุทธศาสตร์การนำเสนอรายการของเคเบิลทีวี ขณะนี้ ประเทศไทยยังล้มเหลวเรื่องบรอดคาส เพราะเข้าใจแตกต่างกัน เนื่องจากการนำเสนอไม่มีการพูดที่ชัดเจน ทั้งนี้คนที่จะทำตลาดต้องเข้าใจเรื่องนิวส์ มีเดีย และสร้างสรรค์ผลงานการผลิตเจาะกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้เกิดช่องทางที่หลากหลาย นอกจากนี้ ยังต้องรวมการสื่อสารเข้ากับการพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย นอกจากนี้ วิธีคิดของผู้บริหารต้องเปิดกว้าง ไม่ปกป้อง คุ้มครอง แต่เปิดกว้างให้เอกชนคิดเหมือนกับต่างประเทศที่เปิดให้ผู้มีความสามารถแสดงออกอย่างเสรี

นายจักรกฤษณ์ ทัฬหชาติโยธิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเอสแอลที จำกัด กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับรางวัล APICTA (Asia Pacific ICT Award) เมื่อปี 2552 ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้นำผลงานซอฟต์แวร์ 3 มิติ บรอดแคสติ้ง (3D Broadcasting) มาพัฒนาจนสามารถเข้าสู่เชิงพาณิชย์ได้ โดยคุณสมบัติสำคัญโปรแกรมนี้คือ การถ่ายทอดสดคนใส่เข้าไปในโลกสามมิติจริง โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง ด้วยการใช้ 3D บาร์โค๊ดมาช่วยจับตำแหน่ง และประมวลผลแบบเรียลไทม์ ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ต้นทุนการผลิตที่แพงเหมือนอดีต และผู้ผลิตรายการสามารถเปลี่ยนฉากได้อย่างง่าย ลดต้นทุนด้านอุปกรณ์ด้วย



ข่าวจาก : ไทยรัฐ
วันที่ : 10 กันยายน 2553

วันอาทิตย์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2553

ระบบสารสนเทศทางธุรกิจ (business information systems)


เป็นระบบสารสนเทศที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานของธุรกิจให้ดำเนินการอย่างเป็นระบบ โดยถูกออกแบบและพัฒนาให้ปฏิบัติงานตามหน้าที่ทางธุรกิจ ตลอดจนช่วยส่งเสริมให้ทั้งองค์การสามารถประสานงานและใช้ข้อมูลร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในระดับปฏิบัติงานและระดับบริหาร โดยเราสามารถจำแนกระบบสารสนเทศตามหน้าที่ทางธุรกิจตามหน้าที่ดังต่อไปนี้
1. ระบบสารสนเทศด้านการบัญชี (accounting information system)
2. ระบบสารสนเทศด้านการเงิน (financial information system)
3. ระบบสารสนเทศด้านการตลาด (marketing information system)
4. ระบบสารสนเทศด้านการผลิตและการดำเนินงาน (production and operations information system)
5. ระบบสารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคล (human resource information system)

ระบบสารสนเทศด้านบัญชีที่สำคัญสำหรับรายการเปลี่ยนแปลงด้านการประมวลผลและการรายงานด้านการเงิน โดยระบบเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันในเรื่องการไหลเวียนของข้อมูลรับเข้าและผลลัพธ์

ระบบสารสนเทศด้านการบัญชี (accounting information system)
Sorry, your browser doesn't support Java(tm).
ปัจจุบันงานของนักบัญชีมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมอย่างมาก เนื่องจากเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยทำให้มีการพัฒนาชุดคำสั่งสำเร็จรูปหรือชุดคำสั่งเฉพาะสำหรับช่วยในการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูล ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาและเพิ่มความถูกต้องในการทำงานแก่ผู้ใช้ ทำให้นักบัญชีมีเวลาในการปฏิบัติงานเชิงบริหารมากขึ้น เช่น การออกแบบและพัฒนาระบบงาน พัฒนาระบบงบประมาณและระบบข้อมูลสำหรับผู้บริหาร เป็นต้น โดยที่ระบบสารสนเทศด้านการบัญชี (accounting information systems) หรือที่เรียกว่า AIS จะเป็นระบบที่รวบรวม จัดระบบ และนำเสนอสารสนเทศทางการบัญชีที่ช่วยในการตัดสินใจแก่ผู้ใช้สารสนเทศทั้งภายในและภายนอกองค์การ โดยระบบสารสนเทศทางการบัญชีจะให้ความสำคัญกับสารสนเทศที่สามารถวัดได้ หรือการประมวลผลเชิงปริมาณมากกว่าการแก้ปัญหาเชิงคุณภาพ โดยระบบสารสนเทศด้านการบัญชีจะมีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วนคือ
1. ระบบบัญชีการเงิน (financial accounting system)
บัญชีการเงินเป็นการบันทึกรายการคำที่เกิดขึ้นในรูปตัวเงิน จัดหมวดหมู่รายการต่าง ๆ สรุปผลและตีความหมายในงบการเงิน ได้แก่ งบกำไรขาดทุน งบดุล และงบกระแสเงินสด โดยมีวัตถุประสงค์หลักคือ นำเสนอสารสนเทศแก่ผู้ใช้และผู้ที่สนใจข้อมูลทางการเงินขององค์การ เช่น นักลงทุนและเจ้าหนี้ นอกจากนี้ยังจัดเตรียมสารสนเทศในการตัดสินใจของผู้บริหาร ซึ่งนักบัญชีสามารถนำเทคโนโลยีสารสนเทศใช้ในการประมวลข้อมูล โดยจดบันทึกลงในสื่อต่าง ๆ เช่น เทปหรือจานแม่เหล็ก เพื่อรอเวลาสำหรับทำการประมวลและแสดงผลข้อมูลตามต้องการ
2. ระบบบัญชีบริหาร (managerial accounting system)
บัญชีบริหารเป็นการนำเสนอข้อมูลทางการเงินแก่ผู้บริหารเพื่อใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจ ระบบบัญชีจะประกอบด้วย บัญชีต้นทุน การงบประมาณ และการศึกษาระบบ โดยมีลักษณะสำคัญคือ
ให้ความสำคัญกับการจัดการสารสนเทศทางการบัญชีแก่ผู้ใช้ภายในองค์การ
ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานในอนาคตของธุรกิจ
ไม่ต้องจัดทำสารสนเทศตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป
มีข้อมูลทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงิน
มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับให้สอดคล้องกับความต้องการใช้งาน
AIS จะให้ความสำคัญกับการรวบรวมข้อมูลและการติดต่อสื่อสารทางการเงิน ซึ่งเป็นกระบวนการติดต่อสื่อสารมากกว่าการวัดมูลค่า โดยที่ AIS จะแสดงภาพรวม จัดเก็บ จัดโครงสร้าง ประมวลข้อมูล ควบคุมความปลอดภัย และการรายงานสารสนเทศทางการบัญชี ปัจจุบันการดำเนินงานและการไหลเวียนของข้อมูลทางการบัญชีมีความซับซ้อนมากขึ้น ทำให้นักบัญชีต้องกำหนดคุณสมบัติของสารสนเทศด้านการบัญชีให้สัมพันธ์กับการดำเนินงานขององค์การ ประการสำคัญ AIS และระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการจะมีทั้งส่วนที่แยกออกจากกันและเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กัน แต่ MIS จะให้ความสำคัญกับการจัดการสารสนเทศสำหรับการตัดสินใจของผู้บริหาร ขณะที่ AIS จะประมวลสารสนเทศเฉพาะสำหรับผู้ใช้งานทั้งภายในและภายนอกองค์การ เช่น นักลงทุน เจ้าหนี้ และผู้บริหาร เป็นต้น